ความหมายของประโยค
ประโยค คือ ถ้อยคำที่เรียบเรียงขึ้นเพื่อแสดงความคิดหรือเรื่องราวที่สมบูรณ์ ซึ่งเริ่มแรกจะต้องประกอบด้วยประธานและกริยา และประโยคยังมีหน้าที่ใช้สื่อความหมายให้สมบูรณ์ หรือนำประโยชน์หลาย ๆ ประโยคมาเรียบเรียงให้เป็นเรื่องราวได้
โครงสร้างของประโยค ประโยคจะมีความสมบูรณด้วย จะต้องประกอบด้วย ๒ ส่วน คือ ภาคประธานและภาคแสดง
ภาคประธาน หมายถึง ส่วนสำคัญของข้อความเป็นผู้กระทำ กำ ส่วนใหญ่เป็นคำนาม หรือสรรพนาม ภาคประธานประกอบด้วย บทประธาน และ/ หรือ
บทขยายประธานหรือความเป็นไป
ส่วนภาคแสดง หมายถึง ส่วนที่แสดงกิริยาอาการหรือความเป็นไปของภาคประธาน ประกอบด้วย บทกริยา บทขยายกริยา บทกรรม และบทขยายกรรม ( ถ้ามี)
การจำแนกประโยคในภาษาไทย
การจำแนกชนิดของประโยคในภาษาไทยสามารถจำแนกได้หลายวิธี ดังนี้
1. จำแนกตามรูปประโยค
การจำแนกตามประโยค เป็นการจำแนกโดยเน้นความสำคัญที่คำขึ้นต้นประโยค มี 5 ชนิด คือ
1 . ประโยคกรรตุ
คือ ประโยคที่มีกรรตุการก ( ผู้กระทำ)
เป็นประธานอยู่ข้างหน้าประโยค เช่น
ครูสอนหนังสือ
พ่อรักลูก
รถแล่นเร็ว
2. ประโยคกรรม
คือ ประโยคที่นำเอากรรมการก ( ผู้ถูกกระทำ)
ขึ้นมาไว้ข้างหน้าประโยค เช่น
นักเรียนถูกครูตี
ขนมนี้กินอร่อย
เสื้อตัวสีแดงของฉันถูกลักไปแล้ว
3 . ประโยคกริยา
คือ ประโยคที่ผู้พูดต้องการเน้นคำกริยา จึงเอาคำกริยาขึ้นมากล่าวไว้ก่อนบทประธาน คำกริยานี้นิยมนำมาเรียงไว้ต้นประโยค มีเฉพาะกริยาที่มีความหมายว่า เกิด มี ปรากฏ เช่น
- เกิดอุทุกภัยขึ้นที่ทางจังหวัดภาคใต้
- มีพิธีกรรมหลายอย่างในงานวันนี้
- ปรากฏเหตุการณ์อันน่าเศร้าสลดขึ้นแล้วในโลก
4 . ประโยคการิต
คือ ประโยคกรรตุ หรือประโยคกรรม ที่มีผู้รับใช้แทรกเข้ามา โดยมีกริยา “
ให้” เป็นกริยาสำคัญ
เช่น
- แม่ให้น้องทำอาหารเช้า
-นักศึกษาถูกอาจารย์สั่งให้ทำรายงาน
- คุณพ่อบอกให้แม่รีบกลับบ้านทันที
5. ประโยคกริยาสภาวมาลา คือ ประโยคที่มีกริยาสภาวมาลาขึ้นต้นประโยค ( กริยาสภาวมาลา
เป็นคำกริยาที่นำมาใช้เป็นคำนามปรากฏในตำแหน่งประธานของประโยค) เช่น
- วิ่งออกกำลังเวลาเช้าทำให้ร่างกายแข็งแรง
- ทำงานอย่างสม่ำเสมอมีผลต่อสุขภาพจิตที่ดี
2. จำแนกตามเจตนาของผู้ส่งสาร
จำแนกตามเจตนาของผู้ส่งสาร มี 5 ชนิด คือ
1. ประโยคบอกเล่า คือ ประโยคที่มีใจความที่เป็นกลาง ๆ เพื่อบอกเล่าเรื่องราวทั่วไป ไม่เป็นคำถาม ไม่เป็นปฏิเสธ ไม่เป็นคำสั่งหรือคำขอร้อง
2. ประโยคคำถาม คือ ประโยคที่มีใจความเป็นคำถามและต้องการ คำตอบ เช่น
- ใครเห็นเป้ของผมบ้าง - เธอกำลังคิดถึงอะไรอยู่
3. ประโยคปฏิเสธ คือ ประโยคที่มีใจความปฏิเสธหรือไม่ตอบรับ ซึ่งจะมีคำวิเศษณ์ที่แสดงความปฏิเสธประกอบอยู่ด้วย เช่น
- ฉันไม่ชอบที่นี่เลย - พ่อมิได้มาเยี่ยมนานแล้ว
4. ประโยคคำสั่ง คือ ประโยคที่ส่งสารเพื่อสั่งให้ทำตาม หรือห้ามมิให้ทำตาม มักละภาคประธาน เช่น
- ( เธอ)
เดินดีๆนะ - ( เธอ)
ห้ามทิ้งขยะบริเวณนี้
5. ประโยคขอร้อง คือ ประโยคที่ผู้ส่งสารเพื่อขอร้องวิงวอนหรือชักชวนให้ผู้รับสารกระทำอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น
- ช่วยหยิบปากกาให้ผมด้วยครับ - โปรดยืนเข้าแถวหน้าห้องเรียนทุกเช้า
3. จำแนกตามส่วนประกอบของประโยค
จำแนกตามเนื้อความในประโยค จำแนกออกเป็น 3 ชนิดใหญ่ ๆ คือ
1. เอกรรถประโยค( ประโยคความเดียว)
เอกรรถประโยค ( ประโยคความเดียว)
คือ ประโยคสามัญที่มีใจความเพียงอย่างเดียว กล่าวคือ มีภาคประธานและภาคแสดงเพียงอย่างเดียว เช่น
- ฟ้าแลบ
( ฟ้าเป็นประธาน แลบ เป็นภาคแสดง)
- นักศึกษาไปห้องสมุดทุกวัน ( นักศึกษาเป็นภาคประธาน ไปห้องสมุดทุกวัน เป็นภาคแสดง)
2. อเนกรรถประโยค หรือประโยคความรวม
อเนกรรถประโยค หรือประโยคความรวม หมายถึง เป็นประโยคที่มีเอกรรถประโยคตั้งแต่ ๒ ประโยคขึ้นไปมารวมกัน โดยมีสันธานตัวใดตัวหนึ่งเป็นบทเชื่อมต่อ อเนกรรถประโยคแบ่งเป็นชนิดย่อย ตามชนิดของสันธานที่ทำให้เนื้อความแตกต่างกัน 4 ชนิด คือ
2.1 อันวยาเนกรรถประโยค ได้แก่ อเนกรรถประโยค ที่มีเนื้อความคล้อยตามกัน อาจจะคล้อยตามกันตามเวลา ตามการกระทำหรือตามสัญญานก็ได้ มักมีสันธานต่อไปนี้ และ….. ก็
แล้ว….. จึง
ครั้น….. จึง
เป็นต้น ดังตัวอย่างต่อไปนี้
- ผมมาถึงเขาก็ไปพอดี
- ครั้นรถไฟออกจากสถานี เขาจึงเดินทางมาถึง
- พ่อกับแม่ไปตลาดนัด
2.2 พยติเรกาเนกรรถประโยค ได้แก่ อเนกรรถประโยคที่มีเนื้อความขัดแย้งกัน สันธานที่ใช้เชื่อมมีดังนี้ แต่ แต่ทว่า ถึง….. ก็
กว่า…. ก็
เป็นต้น ดังตัวอย่าง
- ฉันมีวิชา แต่เขามีทรัพย์
- กว่าเธอจะมาถึงเขากลับไปเสียแล้ว
- ถึงหล่อนจะเป็นคนปากร้ายฉันก็ชอบหล่อน
2.3 วิกัลปา เนกรรถประโยค ได้แก่ อเนกรรถประโยคที่มีเนื้อความให้เลือกเอาอย่างใดอย่างหนึ่ง สันธานที่ใช้เชื่อมมีดังนี้ หรือ มิฉะนั้น ไม่เช่นนั้น เป็นต้น ดังตัวอย่าง - คุณจะกลับบ้านหรือไปดูภาพยนตร์
- คุณต้องมาสอบปลายภาคไม่เช่นนั้นจะหมดสิทธิ์ได้รับทุนการศึกษา
2.4 เหตวาเนกรรถประโยค ได้แก่ อเนกรรถประโยคที่มีเนื้อความเป็นเหตุเป็นผล ( เหตุต้องมาก่อนผล)
สันธานที่ใช้เชื่อมมีดังนี้ จึง ฉะนั้น ฉะนั้น…. จึง
ดังนั้น เพราะเหตุนั้น เป็นต้น ดังตัวอย่าง
- เขาไม่ขยันอ่านหนังสือจึงสอบตก
- เขาตั้งใจทำงานฉะนั้นเขาจึงประสบความก้าวหน้า
- เขาประพฤติดีเพราะฉะนั้นเพื่อนบ้านจึงรักเขา
3. สังกรประโยค หรือประโยคความซ้อน
หมายถึงประโยคซึ่งประกอบด้วยประโยคหลักหรือประโยคสำคัญ และมีประโยคย่อยซึ่งเป็นประโยคความเดียวซ้อนอยู่ ประโยคย่อยที่ซ้อนอยู่อาจทำหน้าที่เป็นประธาน บทขยายประธาน กรรม หรือบทขยายกรรมของประโยคหลักนั้นเอง
ตำราหลักภาษาไทยของพระยาอุปกิตศิลปสาร เรียกประโยคหลักซึ่งเป็นประโยคสำคัญว่า มุขยประโยค และประโยคย่อยที่ซ้อนเข้ามาว่า อนุประโยค
สังกรประโยคแบ่งออกเป็น 3 ชนิด ตามชนิดของอนุประโยค คือ
3.1 สังกรประโยคที่มีนามานุประโยคเป็นส่วนประกอบ นามานุประโยค คือ อนุประโยคที่ทำหน้าที่แทนคำนาม คำสรรพนาม หรือกริยาสภาวมาลา เช่น
- ครูสอนวิชาภาษาไทยเป็นคนเล่นดนตรีเก่ง
- คนโบราณมักสอนกันว่าไก่งามเพราะขนคนงามเพราะแต่ง
- กิจการของพ่อค้าขายของเก่ากำลังเจริญรุ่งเรือง
3.2 สังกรประโยคที่มีคุณานุประโยคเป็นส่วนประกอบ คุณานุประโยคหมายถึง อนุประโยคที่ทำหน้าที่แทนคำวิเศษณ์สำหรับประกอบนามหรือสรรพนาม มีประพันธสรรพนาม ได้แก่ ผู้ ที่ ซึ่ง อัน เป็นบทเชื่อม เช่น
สุนัขที่เห่ามาก ๆ มักไม่กัดคน
อาหารที่มีสีสวย ๆ อาจเป็นอันตรายได้
ฉันชอบบ้านที่ตั้งอยู่บนเนินเขา
3.3 สังกรประโยคที่มีวิเศษณานุประโยคเป็นส่วนประกอบ วิเศษณานุประโยคหมายถึง อนุประโยคที่ทำหน้าที่เป็นวิเศษณ์ประกอบกริยา หรือวิเศษณ์ด้วยกันเอง มีบทเชื่อมเช่น เมื่อ จน เพราะ เพราะว่า เป็นต้น ดังตัวอย่าง
เขาเดินเร็วจนฉันเดินตามไม่ทัน
เขามีความรู้เพราะเขาอ่านหนังสือมาก
หล่อนจะมาทันทีเมื่อผมคิดถึงหล่อน
ประโยคที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น
ประโยคที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น หมายถึง ประโยคความเดียวหรือประโยคความรวม หรือประโยคความซ้อนที่มีส่วนขยายเป็นคำหรือกลุ่มคำหรือเป็นประโยคย่อยที่เกาะเกี่ยวกันอยู่อย่างยืดยาวสลับซับซ้อน
ประโยคที่ซับซ้อนยิ่งขึ้นนี้อาจทำให้ผู้รับสารคือผู้ที่ได้อ่านหรือฟังเกิดความสับสนได้ ถ้าไม่พิจารณาให้ดี ดังจะแสดงให้เห็นต่อไปนี้
1. ประโยคความเดียวที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น
1.1 ความซับซ้อนในภาคประธาน
- ความเมตตาของพระมหากษัตริย์ไทยและพระบรมวงศานุวงศ์ต่อพสกนิกร
ชาวไทย เป็นคุณูปการอันหาที่สุดมิได้
- เมื่อถึงสนามบินดอนเมืองหัวหน้ากลุ่มคนงานไทยตามหลักฐานในบัญชี
ของกระทรวงการต่างประเทศได้หายตัวไปแล้ว
1.2 ความซับซ้อนในภาคแสดง
- ทุกคนมีความพยายามอย่างยิ่งยวดในการต่อสู้วิกฤตเศรษฐกิจในครั้งนี้
- เครื่องบินจู่โจมเข้าไปทิ้งระเบิดติดขีปนาวุธยังจุดยุทธศาสตร์ทางด้านทหาร
2. ประโยคความรวมที่มีความซับซ้อนยิ่งขึ้น
- การอ่านหนังสือมิได้ให้ประโยชน์เฉพาะด้านความรู้เท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องมือสำหรับแสวงหาความรู้ตลอดชีวิตอีกด้วย
ประโยคนี้เป็นประโยคความรวมที่เกิดจากประโยคความเดียวที่มีความซับซ้อน 2 ประโยคมารวมกัน โดยมีสันธาน แต่ เป็นตัวเชื่อม
- เขาเป็นนักเรียนที่เก่งทั้งด้านการเรียนและการกีฬาหากแต่ว่าเพื่อน ๆ ในห้องจำนวนมากไม่ชอบเขา เพราะเขาไม่มีความเอื้ออาทรต่อคนอื่น
3. ประโยคความซ้อนที่มีความซับซ้อนยิ่งขึ้น
- นักบริหารที่ขาดความมั่นใจในตัวเองย่อมประสบความสำเร็จได้ยาก เพราะการ ตัดสินใจซึ่งมีพื้นฐานจากความไม่มั่นใจมักผิดพลาดได้ง่าย
4. ประโยคแสดงเงื่อนไขที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น
ประโยคแสดงเงื่อนไขที่ซับซ้อนยิ่งขึ้นหมายถึง ประโยคที่มีเนื้อความส่วนหนึ่งเป็นตัวเงื่อนไข และอีกส่วนหนึ่งเป็นผลที่ตามมา ดังตัวอย่าง
- หากว่าฝนไม่ตกในช่วงบ่ายวันนี้ ฉันจะพยายามมาหาเธอที่บ้านให้ได้อย่างแน่นอน